การบาดเจ็บ คือ ความเสียหายหรืออันตรายต่อหน้าที่หรือโครงสร้างของร่างกาย อันมีสาเหตุจากแรงหรือปัจจัยภายนอกทั้งทางกายภาพหรือเคมี และทั้งโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนา
ยิมนาสติก เป็นกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันเพื่อทดสอบความแข็งแรงของนักกีฬา รวมทั้งจังหวะ ความยืดหยุ่นตัว หรือความอ่อนตัว
และความคล่องแคล่วว่องไว กีฬายิมนาสติกที่ใช้ในการแข่งขันมี 3 แบบคือ
ยิมนาสติกสากล (Artistic Gymnastics)
ยิมนาสติกลีลา (Rhythmic Gymnastics) และ
แทรมโปลิน (Trampoline) สำหรับยิมนาสติกสากลและแทรมโปลินจะแข่งขันได้ทั้งชายและหญิง ส่วนยิมนาสติกลีลาจะแข่งขันเฉพาะหญิงเท่านั้น
GYMNASTIC
GYMNASTIC
เนื่องจากยิมนาสติก
เป็นกีฬาที่ใช้ความสามารถสูงมาก ต้องใช้ทักษะสูงกว่ากีฬาอื่นๆ
ทำให้บาดเจ็บง่ายกว่ากีฬาอื่นๆ ดังนั้น การบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ
อุบัติเหตุจากการเล่น และการไม่ได้ Warm-up โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.อุบัติเหตจากการเล่น
จากการศึกษาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬายิมนาสติก
ในช่วงเวลา 5 ปี พบว่านักกีฬาที่มารับการรักษาที่คลินิกกีฬา ฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา
การกีฬาแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลศิริราช ทั้งหมดจำนวน 6,046 คน เป็นนักกีฬายิมนาสติกจำนวน
349 คน เป็นเพศชาย 193 คน และเพศหญิง 156 คน คิดเป็นร้อยละ 5.8
ของนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
ส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด
คือ ขา และส่วนของเนื้อเยื่อนั้นพบว่าบาดเจ็บที่ข้อต่อและเอ็นยึดข้อต่อมากที่สุด ส่วนกล้ามเนื้อเป็นปัญหารองลงมา
และพบมากที่สุดบริเวณหลังระดับเอว ชนิดของการบาดเจ็บส่วนใหญ่ไม่รุนแรงนัก เช่น บาดเจ็บที่เอ็นยึดข้อต่อฉีกขาด
บาดเจ็บกล้ามเนื้อฉีกขาด การอักเสบ อย่างไรก็ตาม โรคที่ได้รับการวินิจฉัยมากที่สุด
คือ ปวดหลังระดับเอวและข้อมือแพลง
ผลการศึกษาวิจัยจะเป็นแนวทางในการปกป้องและป้องกันการบาดเจ็บจากกีฬายิมนาสติก
และยังเป็นแนวทางในการฟื้นฟูสมรรถภาพส่วนนั้นๆ
ให้แข็งแรงและเลี่ยงต่อการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น
อุบัติเหตุอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเกิดจากความเครียดมากเกินไป
ร่างกายส่วนล่าง การบาดเจ็บมักจะเป็นเพราะความไม่สมดุลของการ landings, ในขณะที่ประสบการณ์ยังไม่เพียงพอ
เมื่อยืดตัวมากเกินไป ต้องเตรียมพร้อมรับความบาดเจ็บ
และต้องเข้าใจว่าการได้รับบาดเจ็บใด ๆ อาจเป็นอันตรายกับตนในอนาคต
•หากไม่ได้ฝึกซ้อมเป็นเวลานานแล้วกลับไปเล่นก็ควรระวังเป็นอย่างมาก
เพราะอาจได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้เนื่องจากความยืดหยุ่นของตัวน้อยลง
•ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าก่อนเล่นยิมนาสติก
สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม หากผมยาวควรผูกหรือถักเปียไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมเกินไปเพราะจะทำให้เอื้อต่อการสะดุด
และไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับเนื่องจากเครื่องประดับต่างๆอาจขัดขวางการเล่นและทำให้บาดเจ็บได้เมื่อสัมผัสโดน
•ตรวจสอบสถานที่ที่จะเล่นกีฬาให้สะอาดโล่ง
ปลอดภัยต่อสิ่งกีดขวางต่างๆ
2.การไม่warm up
การwarm up ซึ่งรวมถึงการวิ่ง,
เดินและ ยืดร่างกาย
สิ่งที่จะได้รับคือการสูบฉีดเลือดการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย
และลดความเลี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บ
เริ่มจากการตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะ
ความรุนแรงของบาดแผลหรือการบาดเจ็บที่ได้รับ รวมทั้งซักถามอาการจากนักกีฬา เช่น
มีบวม หรือกดเจ็บ มีอาการปวดขณะเคลื่อนหรือขยับส่วนนั้นๆ หรือไม่
หลังจากได้ข้อมูลแล้วให้เริ่มทำการปฐมพยาบาลโดยปฏิบัติตามคำว่า "RICE"
โดยที่
R ใช้แทนคำว่า Rest
I ใช้แทนคำว่า Ice
C ใช้แทนคำว่า Compression
E ใช้แทนคำว่า Elevation
รายละเอียดของการปฏิบัติตามแนวทาง RICE มีดังนี้
1.การพัก (Rest) การหยุดใช้งานส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหรือหยุดการเล่นกีฬาทันที โดยเฉพาะในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วการบาดเจ็บต้องการเวลาพักประมาณ 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการเริ่มเคลื่อนไหว (mobilization) อีกครั้ง
2.การใช้ความเย็น (Ice) โดยการประคบเย็นซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการมีเลือดออกบริเวณเนื้อเยื่อ ลดบวมและอาการปวดได้ โดยทั่วไปการประคบเย็นให้ประคบนานครั้งละ 10 ถึง 20 นาที หยุดประคบ 5 นาที ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่บวม หรือทำวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง วิธีที่นิยมใช้ในการประคบเย็น ได้แก่
- การใช้เป็นถุงเย็น (ice pack) ซึ่งจะคงความเย็นได้ประมาณ 45 - 60 นาที และต้องมีผ้าห่อไว้ไม่ให้ถุงเย็นสัมผัสโดยตรงกับผิวหนัง
- การใช้ถุงใส่น้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น ในกรณีที่ไม่มีถุงเย็น หรือบริเวณของการบาดเจ็บกว้างเกินขนาดของถุงเย็น
- การพ่นด้วยสเปรย์เย็น (cooling spray) อาจใช้ลดปวดเฉพาะที่ได้ชั่วคราว สามารถใช้ได้กับบริเวณที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไม่หนา เช่น คาง สันหมัด ข้อเท้า
3.การพันผ้ายืด (Compression) เพื่อกดไม่ให้มีเลือดออกในเนื้อเยื่อมาก มักใช้ร่วมกับการประคบเย็น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองด้านร่วมกัน การพันผ้ายืดควรพันให้กระชับส่วนที่บาดเจ็บ และควรใช้ผ้าสำลีผืนใหญ่รองไว้ให้หนาๆ โดยรอบก่อนพันด้วยผ้ายืด ควรพันผ้ายืดคลุมเหนือและใต้ต่อส่วนที่บาดเจ็บ
4.การยก (Elevation) ส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้สะดวก เช่น การนอนวางขาหรือเท้าบนหมอน ในกรณีที่นั่งให้วางเท้าบนเก้าอี้ เป็นต้น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงควรยกสูงไว้ประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง นอกจากนี้การยกส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูง ยังช่วยในการลดการกดของน้ำนอกเซลล์ที่หลั่งออกมาสู่เนื้อเยื่อบริเวณนั้นทำให้ลดการบวมลงได้
คลิปยิมนาสติก
อย่างไรก็ตาม บางหลักปฏิบัติอาจเพิ่มการป้องกันการบาดเจ็บเพิ่ม (Protection) ด้วย ซึ่งอาจจะพบได้ในบางตำรา ทำให้หลักการปฏิบัติเพิ่มจาก "RICE" เป็น "PRICE" เช่น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงที่สงสัยว่ามีอันตรายต่อข้อต่อหรือกระดูกควรดาม (splint) ด้วยอุปกรณ์ที่แข็งและขนาดเหมาะสมกับอวัยวะที่ได้รับการบาดเจ็บซึ่งหาได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ
R ใช้แทนคำว่า Rest
I ใช้แทนคำว่า Ice
C ใช้แทนคำว่า Compression
E ใช้แทนคำว่า Elevation
รายละเอียดของการปฏิบัติตามแนวทาง RICE มีดังนี้
1.การพัก (Rest) การหยุดใช้งานส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหรือหยุดการเล่นกีฬาทันที โดยเฉพาะในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการบาดเจ็บ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่สำคัญ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่แล้วการบาดเจ็บต้องการเวลาพักประมาณ 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะมีการเริ่มเคลื่อนไหว (mobilization) อีกครั้ง
2.การใช้ความเย็น (Ice) โดยการประคบเย็นซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการมีเลือดออกบริเวณเนื้อเยื่อ ลดบวมและอาการปวดได้ โดยทั่วไปการประคบเย็นให้ประคบนานครั้งละ 10 ถึง 20 นาที หยุดประคบ 5 นาที ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่บวม หรือทำวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง วิธีที่นิยมใช้ในการประคบเย็น ได้แก่
- การใช้เป็นถุงเย็น (ice pack) ซึ่งจะคงความเย็นได้ประมาณ 45 - 60 นาที และต้องมีผ้าห่อไว้ไม่ให้ถุงเย็นสัมผัสโดยตรงกับผิวหนัง
- การใช้ถุงใส่น้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น ในกรณีที่ไม่มีถุงเย็น หรือบริเวณของการบาดเจ็บกว้างเกินขนาดของถุงเย็น
- การพ่นด้วยสเปรย์เย็น (cooling spray) อาจใช้ลดปวดเฉพาะที่ได้ชั่วคราว สามารถใช้ได้กับบริเวณที่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไม่หนา เช่น คาง สันหมัด ข้อเท้า
3.การพันผ้ายืด (Compression) เพื่อกดไม่ให้มีเลือดออกในเนื้อเยื่อมาก มักใช้ร่วมกับการประคบเย็น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากทั้งสองด้านร่วมกัน การพันผ้ายืดควรพันให้กระชับส่วนที่บาดเจ็บ และควรใช้ผ้าสำลีผืนใหญ่รองไว้ให้หนาๆ โดยรอบก่อนพันด้วยผ้ายืด ควรพันผ้ายืดคลุมเหนือและใต้ต่อส่วนที่บาดเจ็บ
4.การยก (Elevation) ส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อให้เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้สะดวก เช่น การนอนวางขาหรือเท้าบนหมอน ในกรณีที่นั่งให้วางเท้าบนเก้าอี้ เป็นต้น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงควรยกสูงไว้ประมาณ 24 - 48 ชั่วโมง นอกจากนี้การยกส่วนของร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บให้สูง ยังช่วยในการลดการกดของน้ำนอกเซลล์ที่หลั่งออกมาสู่เนื้อเยื่อบริเวณนั้นทำให้ลดการบวมลงได้
คลิปยิมนาสติก
อย่างไรก็ตาม บางหลักปฏิบัติอาจเพิ่มการป้องกันการบาดเจ็บเพิ่ม (Protection) ด้วย ซึ่งอาจจะพบได้ในบางตำรา ทำให้หลักการปฏิบัติเพิ่มจาก "RICE" เป็น "PRICE" เช่น ในกรณีบาดเจ็บรุนแรงที่สงสัยว่ามีอันตรายต่อข้อต่อหรือกระดูกควรดาม (splint) ด้วยอุปกรณ์ที่แข็งและขนาดเหมาะสมกับอวัยวะที่ได้รับการบาดเจ็บซึ่งหาได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ
จัดทำโดย...
นางสาวพิมพ์นิภา ธรรมใจอุต ม.4/9 เลขที่ 5
นางสาวปณาลี คิวเจริญ ม.4/9 เลขที่ 6
นายณยศ วสุวรรธก ม.4/9 เลขที่ 14
นายเมธิชัย เดชดี ม.4/9 เลขที่ 18
นายสหรัฐ จิววุฒิพงค์ ม.4/9 เลขที่ 21
นายสิรวิชญ์ พงศ์พรเชษฐา ม.4/9 เลขที่ 22